เมนู

แม้ใน คิลานสูตรที่ 4 และที่ 5 ก็มีนัยนี้เหมือนกัน ความป่วยไข้
ที่เกิดแต่ความเย็นอ่อน ๆ ซึ่งเกิดขึ้นด้วยการถูกต้องกับลมจากต้นไม้มีดอกเป็น
พิษที่บานแล้ว ที่เชิงแห่งภูเขา พึงทราบว่าเป็นอาพาธของชนแม้ทั้ง 3
เหล่านี้. คำที่เหลือในบททั้งปวง ง่ายทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาปฐมคิลานสูตรที่ 4

5. ทุติยคิลานสูตร



พระมหาโมคคัลลานะหายอาพาธด้วยโพชฌงค์ 7


[420] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหาร-
เวฬุวัน กลันทกนิวาปสถาน ใกล้กรุงราชคฤห์ ก็สมัยนั้น ท่านพระมหาโมค-
คัลลานะอาพาธ ไม่สบาย เป็นไข้หนัก อยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฎ.
[421] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จกจากที่เร้นในเวลาเย็น
เข้าไปหาท่านพระมหาโมคคัลลานะถึงที่อยู่ แล้วประทับนั่งบนอาสนะที่ปูลาดไว้
ครั้นแล้ว ได้ตรัสถามท่านพระมหาโมคคัลลานะว่า ดูก่อนโมคคัลลานะ เธอ
พออดทนได้หรือ พอยังอัตภาพให้เป็นไปได้แลหรือ ทุกขเวทนาคลายลงไม่
กําเริบขึ้นแลหรือ ความทุเลาย่อมปรากฏ ความกําเริบขึ้นไม่ปรากฏแลหรือ
ท่านพระมหาโมคคัลลานะกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญข้าพระองค์อดทน
ไม่ได้ ยังอัตภาพให้เป็นไปไม่ได้ ทุกขเวทนาของข้าพระองค์ย่อมกําเริบหนัก
ยังไม่คลายลง ความกําเริบย่อมปราก ความทุเลาไม่ปรากฏ.

[422] พ. ดูก่อนโมคคัลลานะ โพชฌงค์ 7 เหล้านี้ เรากล่าวไว้
ชอบแล้ว อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง
เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน โพชฌงค์ 7 เป็นไฉน.
[423] ดูก่อนโมคคัลลานะ สติสัมโพชฌงค์ เรากล่าวไว้ชอบแล้ว
อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความ
ตรัสรู้ เพื่อนิพพาน ฯลฯ อุเบกขาสัมโพชฌงค์ เรากล่าวไว้ชอบแล้ว อันบุคคล
เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้
เพื่อนิพพาน ดูก่อนโมคคัลลานะ โพชฌงค์ 7 เหล่านี้แล เรากล่าวไว้ชอบ
แล้ว อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง
เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน.
[424] ท่านมหาพระโมคคัลลานะกราบทูลว่าข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า
โพชฌงค์ดีนัก ข้าแต่พระสุคต โพชฌงค์ดีนัก. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัส
ไวยากรณภาษิตนี้แล้ว ท่านพระมหาโมคคัลลานะปลื้มใจ ชื่นชมภาษิตของ
พระผู้มีพระภาคเจ้า ท่านพระมหาโมคคัลลานะหายจากอาพาธนั้นแล้ว และ
อาพาธนั้นอันท่านพระมหาโมคคัลลานะละได้แล้ว ด้วยประการฉะนี้แล.
จบทุติยคิลานสูตรที่ 5

6. ตติยคิลานสูตร



พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหายประชวรด้วยโพชฌงค์ 7


[425] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหาร-
เวฬุวัน กลันทกนิวาปสถาน ใกล้กรุงราชคฤห์ ก็สมัยนั้น พระผู้มีพระ
ภาคเจ้าประชวร ไม่ทรงสบาย ทรงเป็นไข้หนัก.
[426] ครั้งนั้น ท่านพระมหาจุนทะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะท่านพระมหาจุนทะว่า ดูก่อนจุนทะ โพชฌงค์จง
แจ่มแจ้งกะเธอ.
จ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ โพชฌงค์ 7 เหล่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสไว้ชอบแล้ว อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อ
ความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน โพชฌงค์ 7 เป็นไฉน.
[427] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สติสัมโพชฌงค์ พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสไว้ชอบแล้ว อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อ
ความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน ฯลฯ อุเบกขาสัมโพชฌงค์ พระผู้
มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ชอบแล้ว อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้ เพื่อนิพพาน. ข้าแต่พระองค์ผู้
เจริญ โพชฌงค์ 7 เหล่านี้แลพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ชอบแล้ว อันบุคคล
เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้
เพื่อนิพพาน.